"กำจร"เล็งรื้อระบบคัดเลือกผู้บริหารการศึกษา

\"กำจร\" เตรียมรื้อกระบวนการคัดเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งระดับบริหาร และสั่งสรรหารอง ก.ค.ศ.ใหม่ หลังมีผู้ร้องกระบวนการคัดเลือกไม่โปร่งใส

นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ตนได้จัดทำกล่องรับเรื่องร้องทุกข์เพื่อให้ข้าราชการและบุคลากร และประชาชนทั่วไปที่ได้รับความเดือดร้อน แต่ไม่กล้าแสดงตัวส่งเรื่องเข้ามาร้องเรียนเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ร้องเรียนเข้ามาจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ โดยเฉพาะระดับชำนาญการที่มีข้อร้องเรียนว่ามีปัญหาเด็กฝาก เด็กเส้น ทำให้ได้คนที่ไม่เหมาะสมเข้าไปทำงาน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบความโปร่งใสในกระบวนการสรรหา หากเป็นไปตามขั้นตอนก็คงไม่สามารถเข้าไปดำเนินการอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องที่ดำเนินการในช่วงก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง รวมทั้งยังมีข้อแนะนำในเรื่องการบริหารจัดการต่างๆ เข้ามาด้วยเช่นกัน ซึ่งตนก็ได้พิจารณาแก้ไขปัญหาเท่าที่สามารถดำเนินการได้ไปบ้างแล้ว

นพ.กำจรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในเรื่องการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารต่างๆ นั้น อาจจะต้องมีการมาปรับปรุงกระบวนการใหม่ โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้บริหารระดับต้น ซึ่งดำเนินการสรรหาก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งปลัด ศธ. และได้มาพิจารณาคุณสมบัติผู้เหมาะสมตามที่คณะกรรมการสรรหาได้เสนอไว้ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ตนก็ได้ลงนามแต่งตั้งผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับต้นไปแล้ว จำนวน 3 ราย จากที่เสนอมา 5 ราย ดังนี้ ตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย แทนตำแหน่งที่ว่างจำนวน 2 ราย และรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน แทนตำแหน่งที่ว่าง 1 ราย เหลือเพียงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) จำนวน 2 ตำแหน่ง ซึ่งมีปัญหาร้องเรียนว่าการดำเนินการสรรหาในช่วงที่ผ่านมามีความไม่ชอบมาพากล ดังนั้นตนจึงได้เปิดรับสมัครผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ารับการสรรหาใหม่

\"คงจะถือโอกาสในช่วงนี้ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการ รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นปัญหาทำให้เกิดช่องโหว่ในการทุจริต หรือเรื่องร้องเรียนรับเงิน\" ปลัด ศธ.กล่าว

พร้อมกล่าวต่อว่า โดยขณะนี้กำลังรื้อระบบการบริหารภายในคุรุสภา เพื่อจะได้ปรับกระบวนการบริหารจัดการให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องคุณภาพครู ที่น่าจะมีการปรับระบบการได้มาซึ่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ส่วนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และองค์การค้าฯ ก็เป็นเรื่องความไม่ชอบมาพากลและผลประโยชน์ ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้จะต้องมาแก้ปัญหาเรื่อง ก.ค.ศ.ที่จะปรับแก้ข้อกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะการโอนย้ายครู ที่มักได้รับร้องเรียนว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์มาโดยตลอด และมักจะเกิดขึ้นในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ฯ ซึ่งตนก็ได้แจ้งทุกเวทีที่ขึ้นพูดว่าจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ดังนั้นต้องไปดูว่าจะมีวิธีการบ้างที่จะทำให้การดำเนินการดังกล่าวมีความโปร่งใส และจะไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์อีกในอนาคต ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับปรุงทั้งอำนาจและหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับต้น คือ นายกิตติศักดิ์ รัตนฉายา ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. จ.เพชรบุรี มาเป็นรองเลขาฯ กศน. และนายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้อำนวยการ กศน. กรุงเทพฯ มาเป็นรองเลขาธิการ กศน. และนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ขอนแก่น เขต 5 มาเป็น รองเลขาฯ กช.


ที่มา:หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2558



28/05/2558