กระทรวงศึกษารับลูก "บิ๊กตู่" สั่งทุกโรงเรียนใช้ตำราสพฐ.แก้เด็กไม่รู้"

กระทรวงศึกษารับลูก \"บิ๊กตู่\" สั่งทุกโรงเรียนใช้ตำราสพฐ.แก้เด็กไม่รู้\"ประวัติศาสตร์\"

\"ศธ.\"รับลูก\"บิ๊กตู่\" เดินหน้าแก้ปัญหาเด็กไทยไม่รู้ประวัติศาสตร์ เร่งปรับเนื้อหาเข้มข้น สั่งทุก ร.ร.ทั่วประเทศใช้ตำรา\"ประวัติศาสตร์-ภาษไทย\"ของ สพฐ.

จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า วันที่ 26 สิงหาคม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะแถลงข่าวเกี่ยวกับการปรับการเรียนการสอน ในวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมา สพฐ.ไม่ได้เน้นเฉพาะการปรับการเรียนการสอน และกิจกรรมเท่านั้น แต่เน้นในเรื่องของการปรับเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์ด้วย เพียงแต่ไม่ได้พูดให้ชัดเจน เนื้อหาหลักที่ สพฐ.ปรับเพิ่มขึ้น จะเน้นในเรื่องของประวัติความเป็นมาของชาติไทย พระราชประวัติของพระมหากษัตริย์ไทยจากอดีตจนถึงรัชกาลปัจจุบัน และรากเหง้าความเป็นไทย ตรงกับเจตนารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. รวมถึงประวัติการกอบกู้เอกราชและการสู้รบกับประเทศเพื่อนบ้าน ในลักษณะของการสร้างความเข้าใจในทิศทางถูกต้อง ไม่ใช่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันปลายเดือนกันยายนนี้ จะมีการอบรมครู โดยจะแจกคู่มือ เพื่อให้ครูเตรียมความพร้อมในการสอนวิชาประวัติศาสตร์ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ รวมทั้งจัดพิมพ์หนังสืออ่านประกอบการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ทั้งในระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษา จำนวน 15 รายการ และจะจัดพิมพ์แจกโรงเรียนทั่วประเทศจำนวน 32,000 เล่ม นอกจากนั้นยังมีหนังสือแนะนำให้โรงเรียนไปหาซื้อเพื่อประกอบการเรียนอีกกว่า 170 รายการ โดยหนังสือทั้งหมดเป็นหนังสือที่ผ่านการประกวดหนังสือดีเด่น และได้รับการคัดเลือกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นต้น

\"ผมได้สั่งให้สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. เร่งปรับปรุงเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์ ให้เข้มขันขึ้นตามจุดเน้นที่กำหนด และต่อไปทุกโรงเรียน ต้องใช้หนังสือวิชาประวัติศาสตร์ และหนังสือวิชาภาษาไทย ที่ออกโดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาเท่านั้น จากเดิมให้อำนาจโรงเรียนสามารถเลือกใช้จากสำนักพิมพ์ใดก็ได้ จึงทำให้เกิดปัญหา ในเรื่องของเนื้อหาแตกต่างกัน เพราะบางเล่มอาจเน้นเนื้อหาด้านประวัติศาสตร์น้อยเกินไป ส่วนวิชาอื่นๆ ยังให้อำนาจโรงเรียนในการตัดสินเลือกหนังสือเรียนเช่นเดิม\" นายกมลกล่าว

ขณะที่ นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จะนำทุกประเด็นเกี่ยวกับการศึกษาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้พูดในรายการ \"คืนความสุขให้คนในชาติ\" เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา มาหารือในที่ประชุมองค์กรหลักของ ศธ. วันที่ 25 สิงหาคม เพื่อหาแนวทางดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม ที่ผ่านมา สพฐ.ได้รับมาดำเนินการโดยแยกวิชาประวัติศาสตร์และวิชาหน้าที่พลเมืองมาเป็นอีกวิชา เน้นสอนให้เด็กรู้จักประวัติศาสตร์ชาติและท้องถิ่น ตลอดจนมีกิจกรรมเสริมการเรียน ที่สำคัญจะมีกำหนดตัวชี้วัดชัดเจนเพื่อวัดผลประเมินผลเชิงพฤติกรรมให้ทราบชัดเจนว่าสิ่งที่ดำเนินการเป็นรูปธรรมแค่ไหน พร้อมกันนี้จะจัดทำตำรารวมถึงคู่มือการสอนให้แก่ครูผู้สอน โดยเริ่มปีการศึกษานี้

นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ฟังน้ำเสียง พล.อ.ประยุทธ์พูดในรายการ เหมือนว่าเหลืออด เหมือนว่าสั่งไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้ตามต้องการ ต้องยอมรับว่างานที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งเป็นงานยากและ ศธ.ไม่อาจทำสำเร็จตามลำพังได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นด้วย เช่น การแก้ไขปัญหากวดวิชา และหลายเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์พูด ก็เป็นปมปฏิรูปการศึกษาทั้งนั้น

\"ศธ.ให้ความร่วมมือแบบไม่ร่วมมือ เพราะรับนโยบายมาแล้ว ก็ตั้งคณะกรรมการศึกษาวิจัย ทั้งที่หลายเรื่องสามารถขับเคลื่อนได้เลยเพราะผ่านการศึกษาวิจัยมาแล้ว อย่างเรื่องประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง จะแค่แยกวิชาออกมาสอนเฉพาะเหมือนที่ สพฐ.ดำเนินการอยู่ ไม่เพียงพอแล้ว เราผิดพลาดตั้งแต่การจัดทำหลักสูตรที่สอน 1,200 ชั่วโมงแล้ว สอนแน่นมาก เพราะฉะนั้นจะเพิ่มการสอนวิชาประวัติศาสตร์ให้มากกว่านั้นได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้เด็กก็เรียนแน่นแล้ว วิชาประวัติศาสตร์ปัจจุบันเหมือนเป็นแค่ฉบับย่อในหลักสูตรเท่านั้น แค่นั้นจะทำให้เด็กมีจิตสำนึกรักชาติ เชื่อมโยงสถาบันพระมหากษัตริย์ เชื่อมโยงศิลปวัฒนธรรม เชื่อมโยงหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมได้อย่างไร ระยะแรก ศธ.อาจดำเนินการปรับปรุงวิชาประวัติศาสตร์ไป แต่ 6 เดือนนับจากนี้ ศธ.ควรเตรียมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชำระประวัติศาสตร์ และกำหนดหลักสูตรกันใหม่ ไม่ใช่เรียนแค่ประวัติศาสตร์ฉบับย่อ พร้อมกันนั้นจัดกิจกรรมเสริมด้วยการพาเด็กลงพื้นที่ด้วย\" นายสมพงษ์กล่าว

นายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า กรณีหัวหน้า คสช.มอบให้ วธ.สร้างภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และสร้างค่านิยมไทยนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือแนวทางการส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เพื่อเสริมสร้างค่านิยม ความเป็นไทยและสร้างภาพลักษณ์ไทยสู่สากลมาแล้ว เชิญผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุม อาทิ สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้สร้างภาพยนตร์อิสระ แต่เนื่องจากขณะนี้มีนโยบายเรื่องสร้างภาพยนตร์ส่งเสริมการเรียนประวัติศาสตร์เพิ่มเข้ามา คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะเชิญฝ่ายต่างๆ หารืออีกครั้ง โดยเน้นเรื่องการสร้างภาพยนตร์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ประเทศ เพื่อฟื้นฟูและสร้างค่านิยมให้คนไทยและสร้างภาพยนตร์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

\"เบื้องต้นจะหารือในที่ประชุม อาทิ การสร้างหนังสั้นเน้นเรื่องค่านิยมไทยและส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ที่สำคัญช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วย\" นายอภินันท์กล่าว และว่า นอกจากนี้มีแนวคิดจัดประกวดบทภาพยนตร์ เพื่อให้สอดคล้องกับ 3 แนวทางที่วางไว้ ที่สำคัญต้องหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการส่งเสริมและกระตุ้นให้ต่างประเทศ เข้ามาใช้สถานที่ในประเทศไทย ถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย และอาจเสนอให้ปรับลดภาษีในการใช้สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ลงอีก เพื่อเป็นมาตรการจูงใจ เพราะเมื่อเทียบกับเวียดนามและมาเลเซีย ประเทศไทยคิดอัตราภาษีค่อนข้างสูงกว่า ส่วนใหญ่จึงนิยมใช้สถานที่ประเทศเพื่อนบ้านแทน


ที่มา:หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15:32:02 น.



25/08/2557