สมศ.ยันประเมินฯ รอบสี่ต้องดูเงินบริจาคศิษย์เก่า

วันนี้(1ก.ย.) ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผอ.สำนัก งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหาร สมศ.เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงเสียงคัดค้านตัวบ่งชี้ศิษย์เก่าทำประโยชน์ให้แก่สถาบัน ในประเด็นมูลค่าทรัพย์สินที่ศิษย์เก่าบริจาคให้สถานศึกษา ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้หนึ่งในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่(ประจำปีงบประมาณ 2559-2563) โดยที่ประชุมมีมติว่า ให้คงตัวบ่งชี้ศิษย์เก่าฯ ไว้เหมือนเดิม เพราะการประเมินคุณภาพสถานศึกษาของประเทศต่างๆทั่วโลกก็พิจารณาเรื่องนี้ และตัวบ่งชี้ดังกล่าวยังเป็นตัวสะท้อนคุณภาพสถานศึกษา และครูอาจารย์ได้อย่างดีว่าทำให้ลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ และกลับมาช่วยเหลือสถาบันการศึกษาของตนเองหรือไม่ โดยที่ประชุมกำหนดให้พิจารณา 2 ด้านคือ ศิษย์เก่ากลับมาทำประโยชน์ด้านใดให้แก่สถาบันบ้าง และสถาบันให้อะไรแก่ศิษย์เก่าบ้าง

ผอ.สมศ.กล่าวต่อไปว่า เกณฑ์การพิจารณาด้านศิษย์เก่าทำประโยชน์ด้านใดให้แก่สถาบันนั้น จะดูว่าศิษย์เก่ากลับมาร่วมพัฒนาด้านวิชาการ หรือวิชาชีพหรือไม่ มีส่วนร่วมในการพัฒนาอาคารสถานที่ อุปกรณ์การเรียนการสอน สิ่งแวดล้อมหรือไม่ และศิษย์เก่ามีการร่วมสนับสนุนทรัพยากร เงินบริจาค หรือทุนการศึกษาให้แก่สถาบันหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกการกำหนดวงเงินว่า จะต้องได้รับบริจาค เงินจากศิษย์เก่าเท่าไหร่ จึงจะได้คะแนนระดับใด ส่วนเกณฑ์การพิจารณาสถาบันให้อะไรแก่ศิษย์เก่านั้น จะดูจากฐานข้อมูลศิษย์เก่า การติดต่อสื่อสารกับศิษย์เก่าอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการให้เกียรติ ยกย่อง เชิดชู หรือให้รางวัลแก่ศิษย์เก่า

“ทุกวันนี้แม้รัฐจะจัดสรรงบฯให้แก่สถานศึกษา แต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะปัจจุบันมีสถานศึกษาเพิ่มมากขึ้น จึงต้องกระจายงบฯ ลงไปทุกแห่ง จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่ตัดเรื่องเงินบริจาคออกไป เพราะหากสถาบันการศึกษาได้ศิษย์เก่ากลับมาช่วยสนับสนุนผ่านเงินบริจาค หรือสิ่งของต่างๆ ก็จะทำให้สถาบันการศึกษามีงบฯ ที่จะนำไปพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสิ่งที่ง่ายที่สุดที่ศิษย์เก่าจะกลับมาช่วยสถานศึกษา ก็คือ การให้ทุนรุ่นน้อง ซึ่งทำได้ไม่ยากและยังเกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสถาบันกับศิษย์เก่าด้วย” ผอ.สมศ. กล่าว


ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันจันทร์ 1 กันยายน 2557 เวลา 16:25 น.



01/09/2557