เมื่อลูกเจ็บ พ่อแม่ก็เจ็บ เมื่อลูกทุกข์ พ่อแม่ก็ทุกข์

เมื่อลูกเจ็บ พ่อแม่ก็เจ็บ เมื่อลูกทุกข์ พ่อแม่ก็ทุกข์ นี่คือสัจธรรมของชีวิตจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรา เพียงแต่ว่า “ครอบครัวไหน” จะเผชิญกับ “ชะตากรรม” เช่นไร ก็เป็นไปตาม “กรรม” ของแต่ละครอบครัวนั้น

เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวแห่งหนึ่งที่อาศัยอยู่จ.หนองบัวลำภู ซึ่งหากจะว่าไปแล้วก็เป็นเหมือนครอบครัวทั่วไป ที่มี “พ่อ” ทำงานรับจ้างทั่วไป “แม่” ปลูกผักสวนครัวขายประทังชีวิต มีลูกชายคนโตอายุ 10 ขวบ น้องสาวคนเล็กอายุ 6 ขวบเศษ

แต่ “โชคชะตา” เล่นตลก...เมื่อ “น้องสาวคนเล็ก” ของครอบครัวนี้คือ “น้องปุยฝ้าย” ถือกำเนิดขึ้นมา แต่กลับมีรูปร่างที่ผิดแปลกกว่าปกติ ทุกส่วนของร่างกายไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป เพราะมีหัวโต ตาปิดจนมองไม่เห็น แขนขาใช้การไม่ได้ นิ้วมือติดกันทั้ง 2 ข้าง หายใจทางปาก

เมื่อเห็นสภาพของ “ลูกสาวคนเล็ก” ทำให้หัวอกของ “พ่อแม่” ถึงกับน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง...และรู้สึกสงสารลูกสาวจับจิตที่ต้องแบกรับความเจ็บปวด และสื่อสารกันให้ได้รับรู้ถึงความห่วงใยและความรัก...ทาง “สัมผัสกาย” เท่านั้น

หลัง “น้องปุยฝ้าย” เกิดได้ไม่นาน ก็ยังพบปัญหาเรื่อง “อาการสมองบวม” และมี “น้ำในสมองมาก” จนทำให้ “พ่อแม่” ต้องตัดสินใจส่งลูกสาวเข้าผ่าศีรษะตัดหนแรกในวัยเพียง 7 เดือนเท่านั้น จากนั้นก็ประคับประคองประคบประหงม “น้องปุยฝ้าย” ด้วยความรักความผูกพัน โดยไม่สนใจเสียงรอบข้างจากใคร ที่พูดถึง “ความผิดปกติ” ของ “ลูกสาวคนเล็ก”

จากนั้นผ่านมาอีกกว่า 5 ปี...“น้องปุยฝ้าย” ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นหนที่ 2 โดยหนนี้ “หมอ” ได้ทำการผ่าตัด “ตา” เพื่อดึงหนังตาลงมา และผ่าศีรษะ...เพื่อนำสายยางระบายน้ำ เข้าไปช่วยระบายน้ำในสมองออกมา ให้มีอายุรอดมาจนถึงทุกวันนี้

หากใครได้พบเห็น “น้องปุยฝ้าย” ในยามนี้ คงได้เห็นภาพของน้อง...ที่ต้องมี “สายยาง” คอยดูดน้ำในสมองออกมาอยู่ตลอดเวลา...และอาหารที่ทานได้ ก็มีเพียง “นม” กับอาหารเสริมสูตรธัญพืชบางชนิดเท่านั้น ที่ใช้เลี้ยงประทังชีวิตจนรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้...ซึ่งเป็นภาพที่น่าเวทนาและน่าสงสารยิ่งนัก!!!

ยิ่งได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของ “ครอบครัวนี้” คงต้องเพิ่มความสงสาร “น้องปุยฝ้าย” หนักยิ่งขึ้นอีก เพราะ “บ้าน” ทั้ง “เล็ก” และ “แคบ” แถม “ร้อน” อีกต่างหาก สร้างความทุกข์ทรมาณแสนสาหัส แต่เหมือน “ฟ้ามีตา” เมื่อเวลานี้...หลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ “นายอำเภอ” ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยการช่วยปรับปรุงให้มี “สภาพ” ที่น่าอยู่มากกว่าเดิม

อีกทั้ง “ดารานักบุญ” อย่าง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เมื่อได้ทราบข่าวเมื่อราวเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ก็โดดเข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยเงิน 3 หมื่นบาททันที แต่ก็ช่วยได้เพียงแค่บรรเทาระยะหนึ่งเท่านั้น

ทุกวันนี้...“พ่อ” และ “แม่” ของ “น้องปุยฝ้าย” ยังรู้สึกดีใจลึกๆ ที่ “ลูกกชายคนโต” ในวัย 10 ขวบ กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.4 ไม่ได้เป็นเด็กเกเร แต่กลับมุ่งมั่น “ตั้งใจเรียน” และเป็น “คนดี” ไม่ได้สร้างภาระหนักใจให้กับ “พ่อแม่” เพิ่มขึ้น...ซึ่งเพียงแค่นี้ “หัวอกพ่อแม่” ก็ชื่นใจแล้ว

ทุกวันนี้...“พ่อ” ยังคงมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วน “แม่” ก็ยังปลูกผักสวนครัวขายประทังชีวิต แต่ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องสละเวลามา \"ดูแล\" ลูกน้อย...ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาตลอด6ปีเศษ...เพราะหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ว่าจะเสียอะไรก็ตามหรือเหนื่อยยากเพียงใด...ก็ยินยอมเพื่อ \"ลูก\" ได้เสมอ!!!

เมื่อลูกเจ็บ พ่อแม่ย่อมเจ็บกว่าหลายเท่า...เมื่อลูกทรมาณ หัวอกพ่อแม่แทบสลาย...

บ่อยครั้งมีคำถามในใจว่า หัวอกพ่อ-แม่...ทนสภาพอันโหดร้ายนี้ได้นานขนาดไหน แต่ผู้เป็น “แม่” บอกกับเราว่า “หมอเคยเอ็กซเรย์น้อง และแนะนำให้ทำศัลยกรรมในส่วนอื่นๆ ด้วย แต่หัวอกคนเป็นแม่ กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับน้อง เพราะถึงจะผ่าตัดไป ก็เสี่ยงกับตัวน้องอยูดี เพราะสมองของน้องอยู่ต่ำมาก”

ด้วยเหตุนี้...จึงเลือกที่จะให้ “น้องปุยฝ้าย” มีชีวิตอยู่ต่อไป แม้จะต้องเหนื่อยยากเพียงใดก็ตามที เพราะถ้าวันใดเสีย \"ลูก\" ไป หัวใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ คงแตกสลาย...น้ำตาคงไหลหลั่งเป็นสายเลือดแน่ๆ

...................................................

ข้อมูล : อานนท์ นันตสุคนธ์


ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 14 ธันวาคม 2557 เวลา 08:00 น.



14/12/2557