เผยมติองค์กรหลัก ศธ.ยืนยันให้จัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาทุกแห่ง

วันนี้ (15 ม.ค.) ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการรายความคืบหน้าการดำเนินการจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และยืนยันให้มีการจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาทุกแห่ง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ และจะแบ่งประเภทการจัดเก็บภาษีเงินได้ ออกเป็น ประเภทบุคคลธรรมดา และประเภทนิติบุคคล ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาแล้วจะมีการพิจารณาลดหย่อนภาษีให้โรงเรียนกวดวิชาเหล่านี้แทนการยกเว้นภาษี เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มาตรา 48(4) ที่ได้กำหนดให้มีการลดหย่อน หรือ ยกเว้นภาษีเงินได้ของผู้รับใบอนุญาตฯ ซึ่งมาตรการลดหย่อนภาษีนี้จะทำให้ไม่ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน

ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ส่วนจะจัดเก็บและการลดหย่อนภาษีในอัตราเท่าไรนั้น ทางกรมสรรพากรจะไปพิจารณา โดยอาจจะลดหย่อนสองเท่า หรือ สามเท่าให้แก่โรงเรียนกวดวิชาที่มีการทำกิจกรรม เพื่อประโยชน์สังคม กิจกรรมเพื่อการกุศล หรือสาธารณประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยในสัปดาห์หน้า สช.จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ได้เสนอแนะว่าการแก้ปัญหากวดวิชาต้องแก้ที่ต้นตอ โดยควรมีการพัฒนาการเรียนการสอน ซึ่งตนจะมอบให้ สช.ไปพิจารณาในภาพรวมของโรงเรียนกวดวิขาด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาการกวดวิชาต่อไป

ด้าน ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ. กล่าวว่า โจทย์ที่ใหญ่กว่าการจัดเก็บภาษี คือ ทำอย่างไรที่จะลดปริมาณการกวดวิชาลง ซึ่งเป็นปัญหาพัวพันมานานหลายทศวรรษ และต้องแก้เป็นระบบ ทั้งการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน ความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพศึกษา การวัดและประเมินผลในโรงเรียน รวมถึงระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าสถาบันอุดมศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งนักศึกษากว่า 80 % มาจากระบบโควต้าที่พิจารณาเพียงแค่เกรดเฉลี่ยและการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ต่างจากเด็กที่มาจากระบบแอดมิชชั่น ฉะนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่าการดูคนอย่าดูเพียงแค่คะแนนสอบแต่ให้ดูที่ศักยภาพ.


ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี 15 มกราคม 2558 เวลา 15:00 น.



15/01/2558