กฎหมายควบคุมการสูบบุหรี่ใหม่

“บุหรี่” ถือเป็นยาเสพติดที่เป็น “ฆาตกรเงียบ” ฆ่าคนปีละหลายสิบล้านคนกำลังได้รับการต่อต้านจากรัฐบาลทั่วโลก ล่าสุด รัฐบาลจีน ประเทศที่มีประชากรสูบบุหรี่มากที่สุดในโลก ก็ได้ออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะแล้ว ห้ามสูบทั้งในอาคารและนอกอาคาร เช่น ร้านอาหาร โรงพยาบาล สถานที่ราชการ และห้ามโฆษณาเผยแพร่ทางสื่อทุกรูปแบบ เช่น ภาพยนตร์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ เป็นต้น

จีนมีผู้สูบบุหรี่ราว 300 ล้านคน ทุก 30 วินาที จะมีคนตายด้วยโรคจากบุหรี่ 1 คน ปีละกว่า 1 ล้านคน ส่วนประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 5 หมื่นคน

กระทรวงสาธารณสุข กำลังเสนอให้ แก้กฎหมายควบคุมยาสูบปี 2535 ที่ล้าหลังเพื่อให้ทันกับเล่ห์พ่อค้าบุหรี่ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์ของลูกหลานไทยที่กำลังตกเป็นเหยื่อ แต่ก็มี สมาคมการค้ายาสูบไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ และ สมาคมผู้ปลูกผู้บ่มและผู้ค้าใบยาสูบ ซึ่งเป็น สมาชิกสมาคมผู้ปลูกยาสูบนานาชาติ ออกมาต่อต้าน โดยไม่เห็นแก่ชีวิตคนไทยด้วยกัน

ความจริง กฎหมายยาสูบใหม่ ไม่ได้แก้ไขอะไรมาก แต่แก้ให้ทันเล่ห์กลยุทธ์การตลาดของพ่อค้าบุหรี่ข้ามชาติเท่านั้น เช่น ให้ครอบคลุมไปถึง บุหรี่ไฟฟ้า บารากุ ห้ามขายให้เยาวชนอายุตํ่ากว่า 20 ปี ห้ามขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ห้ามแบ่งมวนขาย ห้ามส่วนราชการรับอุปถัมภ์จากพ่อค้าบุหรี่ รวมทั้ง ห้ามเผยแพร่กิจกรรมซีเอสอาร์ของผู้ค้าบุหรี่ในทุกสื่อ ห้ามใช้พริตตี้ส่งเสริมการขายด้วย

และ เพิ่มความคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมายเขตปลอดบุหรี่ กำหนดให้เจ้าของสถานที่สาธารณะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในเขตห้ามสูบบุหรี่ ล้วนเป็นเรื่องดีต่อสังคมและบ้านเมืองทั้งสิ้น

ที่ผ่านมากฎหมายห้ามสูบบุหรี่ยังล้าหลัง ตามไม่ทันเล่ห์พ่อค้าบุหรี่ ส่งผลให้ เด็กผู้หญิง และ เยาวชน จำนวนมากตกเป็นเหยื่อของพ่อค้าบุหรี่ เพราะมีการใช้พริตตี้สาวสวยมาส่งเสริมการขายแบบเดียวกับสาวเชียร์เบียร์

ดร.ศรัณญา เบญจกุล หัวหน้าโครงการสำรวจการบริโภคยาสูบระดับโลก คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงผลสำรวจ

ล่าสุดว่า แนวโน้มการลดการสูบบุหรี่ในปี 2554 เริ่มช้าลง กลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ “กลุ่มเยาวชน” ที่มีแนวโน้มการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น หากไม่มีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

จากการวิจัยพบว่า อายุเด็กไทยที่เริ่มสูบบุหรี่ลดจาก 18.5 ปี เป็น 17.4 ปี และมีเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี ติดบุหรี่เพิ่มขึ้นจาก 440,000 คน

ในปี 2552 เป็น 560,000 คนในปี 2554 โดยเด็กกลุ่มนี้เมื่อติดบุหรี่แล้วจะติดยาวนานถึง 31 ปี นานกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของคนไทยที่อยู่ที่ 20 ปี และมีเพียง 3 คน ใน 10 คนเท่านั้น ที่สามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ

ผลสำรวจยังพบอีกว่า เยาวชนไทยอายุ 15-24 ปี เคยเห็นการโฆษณาส่งเสริมการขายบุหรี่ในรูปแบบต่างๆ สูงกว่าประชากรที่มีอายุมากกว่า เด็กกลุ่มนี้เห็นการส่งเสริมการขายบุหรี่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28.2 ในปี 2552 เป็นร้อยละ 34.2 ในปี 2554

เห็นไหมครับว่า พ่อค้าบุหรี่ ใช้เล่ห์ทำลายสุขภาพและอนาคตลูกหลานไทยอย่างไรบ้าง

จากข้อมูลการสูบบุหรี่ปี 2554 พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละ 50,710 คน ป่วยหนักก่อนตาย 2 ปี อายุสั้นลง 12 ปี คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 52,000 ล้านบาท คนไทยจ่ายค่าบุหรี่เฉลี่ยเดือนละ 586 บาทต่อคน ร้านค้าปลีกได้กำไรจากการขายบุหรี่ 840 บาทต่อเดือน แต่ โรงงานยาสูบ ได้กำไรสูงถึง 6,000 ล้านบาทต่อปี ฟิลลิป มอร์ริส ประเทศไทย กำไร 3,000 ล้านบาทต่อปี

ใครเป็นเหยื่อใคร ตัวเลขเหล่านี้ก็มองเห็นชัดเจนแล้ว

วันนี้แม้แต่ รัฐบาลจีน ที่มีประชาชนสูบบุหรี่มากที่สุดในโลก ก็ยังออกกฎหมายมาคุมเข้มยิ่งกว่าไทย ถ้า นายกฯ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากคืนความสุขให้ประชาชนคนไทย ก็ต้องรีบเข็นกฎหมายควบคุมบุหรี่ใหม่ออกมาให้เร็วที่สุดครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”


ที่มา:หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 7 ม.ค. 2558 05:01



08/01/2558