ครูหนี้ท่วม 1.2 ล้านล้าน

นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงปัญหาหนี้สินของครูว่า จากการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ามีครูที่กู้ยืมเงินจากธนาคารออมสินประมาณ 460,000 คน เป็นเงินประมาณ 500,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นหนี้นอกระบบและหนี้ที่กู้ยืมจากสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ อีกประมาณ 700,000 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครูกับธนาคารออมสินในระยะแรก 21,680 ราย

แบ่งเป็น ลูกหนี้วิกฤตรุนแรงที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้องร้องถูกดำเนินคดี 900 ราย ลูกหนี้ใกล้วิกฤต 780 ราย ที่เหลือเป็นลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 12 งวด และลูกหนี้ปกติประมาณ 20,000 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้ทั้งหมด 34,000 ล้านบาท ส่วนระยะที่ 2 สิ้นสุดกำหนดการลงทะเบียนเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม อยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลข

นพ.กำจรกล่าวอีกว่า เบื้องต้นคิดว่าจะขยายผลจากมาตรการของธนาคารออมสินลงไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ เพราะแม้ตัวเลขผู้เข้าร่วมโครงการในระยะแรกจะน้อยและมีเสียงสะท้อนบ้างว่าไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรได้มากนักแต่มาตรการนี้ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่ภาครัฐให้ความช่วยเหลือครูต้องเท่าเทียมกับข้าราชการอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่ว่าครูจะได้รับสิทธิพิเศษ เพราะครูเป็นคนก่อหนี้เอง ต้องใช้หนี้เอง โดยมาตรการนี้ช่วยผ่อนคลายให้ครูมีเวลาในการประกอบอาชีพเพื่อหาเงินมาชำระหนี้โดยไม่ต้องเครียดมากเกินไป

\"ผมขอให้ออมสินสรุปตัวเลขกลุ่มวิกฤตที่กำลังจะถูกฟ้องร้องเพื่อดูว่าไม่ชำระหนี้เพราะสาเหตุใดซึ่งเท่าที่ดูมีจำนวนมากโดยเฉพาะผู้กู้ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ประมาณ 60,000 คน ตั้งใจไม่ใช้หนี้ เพราะมีกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.ชำระหนี้แทนให้ ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะใครก่อหนี้ต้องใช้หนี้เอง ดังนั้นเงินตรงนี้ ศธ.ต้องตามคืนมาให้ได้\" นพ.กำจรกล่าว

ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ได้เข้าไปหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงมาตรการช่วยเหลือและแก้ปัญหาหนี้สินครูตามข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม คงต้องขอให้นายสมคิดนำไปหารือกับนายกฯก่อนจึงจะเปิดเผยได้ โดยมาตรการที่เสนอไปนั้นเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือครูทุกคนในภาพรวม และเป็นคนละส่วนกับมาตรการที่ออกไปก่อนหน้านี้ แต่ยืนยันว่าจะไม่ใช่การตัดหนี้หรือลดหนี้ให้ เพราะธนาคารออมสินต้องทำหน้าที่ในการบริหารเงินฝากของประชาชน ดังนั้นการไปตัดหนี้หรือยกหนี้ให้ใครนั้นคงเป็นแนวทางที่ไม่เหมาะสม



09/11/2558