ชีวิตบัดซบของพระเฒ่า

หนุ่มวัยกลางคนคนนึงมีชีวิตที่แสนน่าเบื่อหน่าย เกิดมาก็กำพร้าพ่อแม่
เรียนก็ไม่เก่ง พอทำงานก็โดนไล่ออก ลูกเมียก็ไม่ได้ความ ครอบครัวก็แตกแยก
ยิ่งแก่ตัวก็ยิ่งกังวลใจ ว่าจะมีใครไม่น้อออ ที่จะเต็มใจดูแลชายแก่ผู้ล้มเหลวในชีวิตอย่างเรา
อย่ากระนั้นเลยไปบวชเป็นพระป่าดีกว่า หวังว่าจะเอาพระศาสนาเป็นที่พึ่งในยามชรา

พอมาบวชเป็นพระพรรษาแรก ก็ต้องมาไหว้พระรุ่นลูกรุ่นหลานทุกเช้าเย็น
ตื่นมาตีสามก็ต้องมานั่งสมาธิหัวโยกหัวคลอน ทรมานสิ้นดี
ไหนจะพระอุปปัชฌารุ่นราวคราวลูกอีก สั่งนู้นสั่งนี้ ห้ามนั้นห้ามนี่ จะยืนฉี่ก็ไม่ได้
จะอะไรกันนักกันหนา อุตสาห์หนีเมียขี้บ่นมาบวชแล้ว ก็ดันมาโดนบ่นซะอีก

บวชไปบวชมาเป็นสิบปี ได้ชื่อว่าเป็นพระเถระตามพระวินัย ได้เป็นอุปปัชฌาย์บวชให้กุลบุตร
สมาธิก็ทำนะแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ครั้นจะไม่ทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวญาติโยมจะไม่ศรัทธา
เด็กบางคนบวชมาตั้งใจปฏิบัติ เดินจงกรมนั่งสมาธิทั้งวันจนก้าวหน้า
พอมาถามปัญหาในการปฏิบัติ ตัวเองก็ตอบไปได้แค่ตามตำรา
บางปัญหาตอบไม่ได้ ก็เลี่ยงตอบไปว่าสามวาสองศอก
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องโสดาบงดาบันอะไรเล้ยยย อาตมานี่แหละปุถุชนทั้งแท่ง
ได้แต่คิดในใจ ครั้นจะพูดเดี๋ยวญาติโยมก็หายกันหมดพอดีสิ

อยู่มาวันหนึ่งเริ่มเบื่อหน่ายกับกิจวัตรประจำวันของสงฆ์
ย่ำรุ่งนั่งโชว์ ตะวันขึ้นเดินโก้บิณบาตร พอสายมาก็เก็บกวาดลานวัดกุฏินอน
เที่ยงแล้วขอพักผ่อน บ่ายดูมวยไทยสุขสนาน เย็นค่อยมาทำวัตรใหม่ วนกันไปวนกันมาน่าเบื่อสิ้นดี
พระใหม่บางรูปบวชมาไม่ถึงพรรษา ได้ฌาณนั่งนิ่งยิ้มทั้งวัน นั่งได้เป็นวันเป็นชั่วโมง
ไอ้เราน่ะรึ นั่งได้ไม่ถึง 10 นาที ก็แอบหรี่ตามองนาฬิกา ว่าครบชั่วโมงรึยัง...น่าขายหน้าเขาจริงๆ
ชีวิตนี้ช่างอาภัพ เลยตัดสินใจออกจากวัดไปปฏิบัติในป่าแต่รูปเดียว

คราวนี้พระเฒ่าเอาจริง เข้าไปในป่าลึก เดินจงกรมนั่งสมาธิทั้งวัน ทำความเพียรไม่ได้ขาด
วันสองวันจึงจะออกมาบิณบาตรในหมู่บ้านเล็กๆ สักที

วันนึงขณะที่เดินจงกรม จิตมันก็คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
ปฏิบัติแบบนี้เกือบสามเดือนก็ไม่เห็นจะคืบหน้าสักที เหงาก็เหงาห่างไกลญาติโยมที่คุ้นเคย
ขาดพระเณรมาคอยปรนเปรอปฏิบัติ ซ้ำอาหารบ้านป่าก็ไม่อร่อยเหมือนอาหารเมือง
ไหนจะที่หลับที่นอนอีก อยู่มาเกือบสามเดือนนี่ยังไม่ชินสักที เรื่องเก่าๆในชีวิตก็ผุดขึ้นมาทำร้ายจนจิตตก
ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ไอ้โง่ ไอ้คนไม่มีค่า ไอ้พ่อเฮงซวย ไอ้ผัวไม่มีน้ำยา สารพัดฉายาที่คนในโลกล้วนแต่งตั้งมาให้
ก็ผุดมาทำร้ายจิตใจอยู่อย่างนั้น ยิ่งคิดยิ่งทำร้ายตัวเอง เดินจงกรมไปก็ร้องไห้ไปน้ำตานอง
พอปาดน้ำตาก็มาพบว่า ตัวเองยืนอยู่บนหน้าผาด้านทิศตะวันตกเสียแล้ว
ไหนๆ ชีวิตมันก็เฮงซวยซะขนาดนี้แล้ว เอาล่ะวะโดดหน้าผาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ว่าแล้วก็ยืนขาซ้ายออกไป

ทันใดนั้นเอง ก็มีลมพัดมาจากทางด้านซ้าย ปะทะอย่างแรงจนล้มลงไป พอมารู้สึกตัวอีกที ก็รู้ตัวว่าไส้ทะลักเสียแล้ว
โชคดีที่การปฏิบัติยังมีผล พอจะประครองสติเอาไว้ได้ หันซ้ายหันขวาเจอเจ้าตัวการ เสือลายพาดกลอนขนาดน้องๆ ควายนา
กำลังย่างสมขุม หมายจะมาปลิดชีวิตพระเฒ่า ชีวิตอะไรมันจะบัดซบได้ขนาดนี้ อยากจะตายเองก็ดันมากลายเป็นอาหารเสือซะนี่
แผลที่ท้องก็เริ่มแสดงอาการเจ็บ น้ำตาที่ไหลก็ยิ่งทะลักออกทั้งสองตา
เจ้ากรรมนายเวรใดเล่าจะอาฆาตข้าไปถึงไหน ปล่อยให้ข้าตายๆ ไม่ต้องทรมานเสียเถอะ ข้ายอมแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง

เสือมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากลิ่นสาบของมัน จะรุนแรงขนาดนี้ ไหนจะลมหายใจของมันอีกเล่า
ร้อนดั่งกะไอน้ำเดือดๆ รีบๆ ก้มลงมากัดคอหอยข้าซะสิ ข้าจะได้ตายไปเสียให้พ้นๆ จากโลกอัปปรีย์นี้เสียที
ในขณะที่เสือก้มลงหมายจะกัดคอหอยนั่นเอง ก็มีเสียงโฮกดังออกมาจากอีกฝากหนึ่ง เสือตัวที่สองก็กระโจนมาโจมตีไอ้ลายตัวแรกทันทีทันใด
พระเฒ่าก็คิดในใจ โอ้ยยยยยยกูจะบ้าตาย!! เมื่อไหร่กูจะได้ไปสบายซักทีเล่าาาาาาาาา

เสือสองตัวต่างก็สู้กันดุเดือดเพื่อเหยื่อโอชะที่นอนเจ็บข้างหน้า รางวัลแห่งชัยชนะครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะแบ่งปันให้กับใคร
ต่างก็งัดเอาลีลาออกมาประชัน พระเฒ่าหมดแรงจะแข็งขืน จะตายยังไงก็ได้แล้วกู จะได้สบายเสียที
พอจิตใจเริ่มปล่อยวางน้ำตาก็เริ่มแห้ง ด้วยความที่ชอบดูมวยเป็นชีวิตจิตใจ ขนาดเป็นพระแล้วยังดูเป็นประจำ
พอเห็นเสือกัดกันก็พลอยรู้สึกสนุกขึ้นมา แหม่มันสู้กันได้มันหยด ยิ่งกว่าคู่เอกลุมพินีวันเสียอีก
ใจพระเฒ่านั้นชอบเชียร์มวยรอง เอาล่ะวะครั้งสุดท้ายนี้ กูขอเชียร์ไอ้ตัวที่เล็กกว่าล่ะกัน
สู้ให้ได้นะ ถ้าชนะมันได้ กูจะยอมให้กินแต่โดยดีเลย


ฝ่ายตัวโตแม่จะปอนด์เยอะกว่าแต่ก็เชื่องช้าตามประสาเสือแก่ จึงพลาดท่าเสียทีให้กับเสือหนุ่มที่ปราดเปรียวกว่า
พอมันแน่ใจว่าศัตรูของมันตายแน่แล้ว มันก็ผละออกมาหาเหยื่อของมัน สายตาของมันช่างไม่ต่างอะไร
กับสายตานักมวย ที่หันมามองเข็ดขัดแชมป์ของตน

จู่ๆ พระเฒ่าก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างกับคนบ้า ไม่ใช่เพราะว่ากลัวจนเสียสติไปแล้วหร่อกนะ
แต่เป็นเพราะพระเฒ่าเพิ่งรู้ว่า ชีวิตของตนมีค่าขนาดไหน
ขนาดเสือเจ้าป่าทั้งสองตัว ยอมที่จะสละชีวิตเพื่อจะได้กินเรา ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครเห็นคุณค่าของเราขนาดนี้มาก่อนเลย
สิ้นเสียงหัวเราะประชดป่าไม่ทันไร พระเฒ่าก็เริ่มน้ำตาไหลอีกครา คราวนี้กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม
เสียใจ...เสียใจจริงๆ...เสียใจเหลือเกิน นี่เราหลงโง่มาตั้งนาน หลงโง่ยอมให้คนอื่นมากำหนดค่าให้กับเรา
ยอมโง่ที่ยอมลดค่าของตนเพียงเพื่อที่จะทำให้ผู้อื่นมาสนใจ ยอมโง่ซ้ำๆ แบบนี้มานานแค่ไหนกัน...มานานตลอดทั้งชีวิต

เสือผู้ชนะนั้นไม่ได้สนใจในอาการประหลาดของพระเฒ่าแต่อย่างใด จะมีเพียงก็แต่เนื้อหนังแลกระดูกของเหยื่อเท่านั้นที่มันสนใจ
เสือนั้นไม่รอช้าบรรจงจุมพิตแห่งมัจจุราชลงบนที่คอหอยของพระเฒ่า อย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน และสาดกระเซ็น

โอ้!!! นี่สินะจุดจบของเรา มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแต่อย่างใด เราไม่ได้กลัวความตายเลยในตอนนี้
จะมีเพียงก็แต่เสียดายกับเวลาที่ว่างเปล่าในชีวิตเท่านั้น น้ำตาหยุดไหลอีกครั้ง อาการที่เคยหวาดกลัวกลับสงบเยือกเย็นเป็นปลิดทิ้ง

ทันใดนั้นเองพระเฒ่าได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง ก่อนหน้านี้จิตใจเรามันเศร้าเพราะคิดถึงเรื่องในอดีต จนถึงขั้นคิดอยากจะฆ่าตัวตาย
พอมาเจอเสือก็ทั้งโกรธทั้งกลัว พอยอมรับชะตากรรมได้ก็สงบลง เห็นเสือต่อสู้กัน กลับรู้สึกตื่นเต้นสนุกสนาน
แล้วก็รู้สึกดีใจที่รู้ว่าชีวิตตนมีค่ามากแค่ไหร พอไม่ทันไรก็รู้สึกเสียใจอีกละ เสียใจที่หลงโง่มาโดยตลอด

จิตใจนี่มันอะไรกันวะ เดี๋ยวขึ้นเดียวลง พอขึ้นทีก็ดีใจ พอลงทีก็เสียใจ เอาแน่เอานอนไม่ได้
มันจะเป็นก็เป็นเองของมัน จะบังคับอะไรก็ไม่ได้เลย จะยึดเอาไว้ก็ไม่ได้เลย
จิตใจที่เคยยึดไว้ก็คลายออก กลายเป็นความเบาสบายอย่างไม่เคยมีมา สิ่งที่ไม่เคยได้รู้ ก็เพิ่งได้รู้วันที่จะตายนี่แหละ

\"โอ้เสือนี่มีบุญคุณกับเรายิ่งนัก!\"

...และนั่นก็คือเสียงสุดท้ายของพระเฒ่าของเรา...



12/04/2557