นายกฯสั่ง"ศอตช."คุมกองทุน"สกสค."

นายกฯ สั่ง ศอตช.เข้าควบคุมเงินในกองทุน สกสค.ทุกประเภท รวมทั้งยุติทำธุรกิจกรรมกับบริษัท บิลเลี่ยนฯ นำหลักทรัพย์ของบริษัท บิลเลี่ยนฯ รวมทั้งเอกสารต่างๆ มาไว้ห้องมั่นคงใน ศธ. ติดกล้องวงจรปิด จัดเวรยามเฝ้า หลัง คตร.เข้าตรวจสอบสำนักงาน สกสค.พบความไม่ชอบมาพากลเพียบ เตรียมตรวจลุยตรวจโครงการอื่นๆ ต่อ รวมทั้งองค์การค้าคุรุสภา


นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้เข้ามาตรวจสอบความไม่โปร่งใสภายในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) องค์การค้าของ สกสค. และคุรุสภา ว่า คตร.ได้แจ้งให้ทราบว่าได้เข้ามาตรวจสอบภายในสำนักงาน สกสค. พร้อมทั้งมีผู้บริหารของ ศธ.ได้เข้าไปร่วมในการตรวจสอบครั้งนี้ด้วย ซึ่งพบความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินโครงการต่างๆ ของสำนักงาน สกสค. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการลงทุนโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ อ.หนองหญาปล้อง จ.เพชรบุรี วงเงิน 2,100 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้ทำหนังสือรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบถึงผลการตรวจสอบ

โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ให้สำนักงาน สกสค.ยกเลิกการทำธุรกรรมกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ต กรุ๊ป จำกัด ในทุกประเภท 2.ให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมเป็นคณะกรรมการอยู่ด้วย เพื่อเข้าไปดำเนินการควบคุมและจัดการกองทุนทั้งหมดของ สกสค. และจัดการปัญหาการทุจริตทั้งหมด และตรวจสอบว่าปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นมีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง และ 3.ให้นำหลักทรัพย์ที่บริษัท บิลเลี่ยนฯ นำมาค้ำประกันสัญญาและหลักทรัพย์กองทุนอื่นๆ มาเก็บรักษารวมไว้ที่ห้องมั่นคง ศธ.ทั้งหมด ซึ่งตนได้กำชับให้นายวัชรินทร์ จำปี รองปลัด ศธ. จัดเวรยามพร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดดูแลตลอด 24 ชม.

\"ผมได้กำชับให้นายวัชรินทร์ดูแลทรัพย์สินและเอกสารต่างๆ ไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด รวมถึงให้ตรวจนับจำนวนทรัพย์สิน และรายงานให้ คตร.รับทราบ ซึ่งเท่าที่ทราบเบื้องต้น ทรัพย์สินที่บริษัท บิลเลี่ยนฯ นำมาค้ำประกันไว้กับ สกสค.น่าจะมีมากกว่าวงเงินที่กู้ไป และจากนี้ คตร.ก็จะเข้าไปตรวจสอบโครงการอื่นๆ ต่อไป เช่น โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท รวมถึงโครงการต่างๆ ที่อยู่ในดำเนินการของคุรุสภา และองค์การค้าฯ ด้วย\" ปลัด ศธ.กล่าว

ส่วนการดำเนินการกับนายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. ปลัด ศธ.กล่าวว่า เบื้องต้นกำลังพิจารณาข้อกฎหมายว่าจะยกเลิกสัญญาจ้างได้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน ซึ่งนายกฯ ให้ความสำคัญกับปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ.


ที่มา:หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ May 08, 2015



09/05/2558