ป.ป.ช.เรียกสอบ3ผอ.สกสค.สางปมเงิน-โฉนดกว่า2พันล้านซุกตู้เซฟ

นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า กำชับให้ทางผู้บริหารสกสค.ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และศูนย์อำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) รวมถึงคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ตนตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในการติดตามและตรวจสอบทรัพย์ที่สินที่ถูกตรวจพบอยู่ในเซฟ ซึ่งถูกระบุว่าอยู่ในห้องของรองเลขาธิการ 1 คน และระดับผู้อำนวยการสำนัก 1 คน

โดยกำชับให้ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เร่งตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินและโฉนดรวมไปถึงทรัพย์สินอื่น ๆ ที่พบจำนวน 6 ราย คือ 1 เงินสกุลคูนา จำนวนประมาณ 1,000 ล้านคูนา 2 เช็คเงินสด จำนวน 2,100 ล้านบาท 3 ดราฟหรือตัวแลกเงิน ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ 4 โฉนดที่ดิน จ.เพชรบุรี ราคาประเมินประมาณ 30 ล้านบาท 5 หนังสือสัญญาค้ำประกันตัวเอง และ 6 หุ้นสโมสรฟุตบอล ที่ประเทศอังกฤษ ในส่วนของเช็คเงินสดก็จะต้องไปตรวจสอบดูว่าสามารถขึ้นเงินได้หรือไม่ หรือขึ้นเงินไปแล้วกลายเป็นเช็คเด้งก็ต้องมาว่ากันตามกระบวนทางกฎหมาย


ขณะเดียวกัน ตนได้กำชับให้คณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อประมวลผลก่อนเสนอให้คณะกรรมการสกสค.พิจารณาในวันที่ 15 พฤษภาคม ส่วนคณะกรรมการสกสค.จะตัดสินใจอย่างไร ตนคงไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นอำนาจของคณะกรรมการสกสค.

นอกจากนี้ทางรัฐมนตรีว่าการศธ. และปลัดศธ. ได้สั่งการให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่มีอยู่ภายในสำนักงานสกสค. หอพัก และสถานพยาบาลของสกสค .ว่ามีทั้งหมดกี่ตัว อยู่ในจุดใดบ้าง ที่สำคัญสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นแล้วกล้องไม่สามารถใช้งานได้จะต้องมีเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

นายพินิจศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการตรวจสอบของหน่วยงานอื่น ๆ นั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือ มายังสกสค. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในส่วนต่าง ๆ เข้าให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงรวมทั้งรายงานเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ต่อป.ป.ช. เบื้องต้น ทราบว่า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ เข้าให้ข้อมูลแล้วในวันที่ วันที่ 11 พฤษภาคม 3 ราย ได้แก่ นางอำนวยพร วัฒนารมย์ผู้อำนวยสำนักการคลัง เพื่อขอข้อมูลเรื่องการระบบการเบิกจ่ายงบประมาณ นายพรเทพ มุสิกวัตร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคุ้มครองสิทธิครู สอบถามเกี่ยวกับเรื่องการทำสัญญาข้อกฎหมายต่าง ๆ

โดยเฉพาะกรณีเงินที่ไปลงทุนกับบริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อำเภอหนองหญ้าป้อง จังหวัดเพชรบุรี พื้นที่ 1,200 ไร่ จำนวน 2,100 ล้านบาท และนายสุเทพ ริยาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการกองทุนช.พ.ค.-ช.พ.ส. เกี่ยวกับนำเงินไปร่วมลงทุนเช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็ได้กำชับทั้ง 3 คนให้ความร่วมมือเต็มที่เรื่องใดที่เป็นที่สงสัยของสังคมก็ต้องทำให้เกิดกระจ่าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเชิญผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการสกสค. ซึ่งอยู่ระหว่างพักการปฏิบัติหน้าที่รวมถึงผู้เกี่ยงข้อรายอื่น ๆ มาให้ข้อมูลเมื่อไร นายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนตอบไม่ได้ เพราะได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว ดังนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการสอบสวนฯ ว่าจะเชิญมาให้ข้อมูลเมื่อไร ส่วนกรณีการทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ 360 ล้านบาท

ซึ่งผลการสืบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล นั้น ตนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน เพราะผลการตรวจสอบได้ส่งให้พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการศธ. พิจารณาแล้ว เท่าที่ทราบรัฐมนตรีว่าการศธ. ให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าสามารถเลิกจ้างได้หรือไม่ โดยในข้อกฎหมายเองก็ระบุไว้ว่าจะสามารถยกเลิกสัญญาเลิกจ้างได้ในกรณีใดบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการสกสค.

“ยอมรับว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. นอนไม่หลับสักคือ เพราะรู้สึกกังวล และเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสกสค.ค่อนข้างเป็นเรื่องที่หนักพอควร แต่น่ายินดีที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ และดีใจที่ได้รับความไว้วางใจให้มาทำงานนี้ ดังนั้นผมพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ”ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค.กล่าว


ที่มา:มติชนออนไลน์ วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17:01:43 น



11/05/2558