ยืดอายุเกษียณราชการ 65 ปี

มื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ ในการเสวนาเวทีสาธารณะ \"มาตรการส่งเสริมการทำงานต่อเนื่องของผู้สูงอายุ\" จัดโดยมูลนิธิสถาบัน วิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) โดยมีนักวิชาการ และตัวแทนกลุ่มแรงงานเข้าร่วมเสวนา

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการเกษียณอายุราชการ ส่วนตัวเห็นว่าควรอยู่ที่อายุ 65 ปี จากเดิมที่เกษียณ 60 ปี เนื่องจากเห็นว่าผู้สูงอายุยังทำงานได้อยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา นอกจากนี้จากข้อมูลกองทุน ผู้สูงอายุ พบว่าร้อยละ 30 มีศักยภาพในการทำงาน พึ่งพาตนเองได้ รัฐบาลจึงมีแนวนโยบายการพัฒนาผู้สูงอายุ ส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม ส่งเสริมการศึกษาโดยเฉพาะระบบไอที ขยายการศึกษาไปยังระดับมหาวิทยาลัยมากกว่าปัจจุบันที่จำกัดเฉพาะการศึกษานอกโรงเรียน หรือกศน.เท่านั้น รวมทั้งการเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ ขณะนี้ให้กระทรวงการคลังพิจารณาช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ยากไร้

ด้านพญ.ลัดดา ดำริการเลิศ รักษาการเลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย กล่าวว่า อีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ และอีก 20 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสุดยอด คือมีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 25 ของประชากรทั้งหมด จากสถิติพบว่าคนไทยที่อยู่ในวัยทำงานส่วนใหญ่คิดเรื่องการออมร้อยละ 50 แต่มีผู้ลงมือปฏิบัติจริงน้อยมาก จึงควรเร่งมาตรการ ส่งเสริมการทำงานอย่างต่อเนื่องของผู้สูงอายุให้เป็นวาระแห่งชาติ ให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น

\"ปัญหาที่น่าวิตกคือเรื่องเงินออมของผู้สูงอายุ ต้องวางแผนล่วงหน้าเพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งการส่งเสริมการสร้างงาน การหามาตรการรองรับสร้างหลักประกันทางรายได้หลังเกษียณ เพื่อให้มีเงินเพียงพอสำหรับการยังชีพตลอดอายุขัย\" พญ.ลัดดากล่าว



28/04/2558