รมว.ยุติธรรม ยัน สพฐ. ต้องจัดการข้าราชการครูเซ็นรับงานสร้างสนามฟุตซอล

รมว.ยุติธรรม ยัน สพฐ. ต้องจัดการข้าราชการครูเซ็นรับงานสร้างสนามฟุตซอล แนะแก้ข้อกล่าวหาในชั้นศาลหากมีใบสั่งหรือถูกบังคับ


เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนใน 17 จังหวัด งบกว่า 600 ล้านบาทว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจและมีการประสานหลายหน่วยงานร่วมตรวจสอบในลักษณะของศูนย์อำนวยการต่อต้านทุจริต ในส่วนของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ขณะนี้มีความชัดเจนในส่วนข้าราชการที่เป็นผู้เซ็นรับรองในขั้นตอนคณะกรรมการชุดต่างๆ การที่ข้าราชการครูหลายคนปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตก็ต้องมีพยานหลักฐานชี้แจงว่าเหตุใดจึงเซ็นรับรองงาน หากรู้ว่าไม่ถูกต้อง และกรณีที่อ้างว่ามีคนสั่งก็ต้องบอกให้ได้ว่าใครเป็นผู้สั่งถูกบังคับจากใคร โดยขั้นตอนเหล่านี้ต้องชี้แจงข้อกล่าวหาในชั้นศาล เพราะจากการตรวจสอบพบว่าข้าราชการครูเป็นผู้เซ็นรับรองงานก่อสร้าง หากให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ก็จะเชื่อมโยงถึงกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังได้ ทั้งนี้ การทำงานต้องดำเนินการตามพยานหลักฐาน ทราบว่า ป.ป.ท. รวบรวมรายชื่อข้าราชการครู 727 คน ในพื้นที่จ.นครราชสีมา ไปให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดวินัยแล้ว

พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบความโปร่งใสในการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15,000 บาทตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อป้องกันงบประมาณรั่วไหล ว่า เพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้เกิดการทุจริตในขั้นตอนเบิกจ่าย รวมถึงต้องการให้ชาวนาได้รับประโยชน์จริงๆ จึงประสานขอรายชื่อเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้จากฐานข้อมูลของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) มาตรวจสอบ หากพบว่าไม่ใช่เกษตรกรตัวจริงหรือเจ้าหน้าที่รัฐให้การรับรองเกษตรกรไม่ถูกต้องก็ต้องถูกตรวจสอบฐานให้ข้อมูลเท็จ และให้การรับรองข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยสังเกตจากการเบิกจ่ายเงินหลายโครงการในอดีตเพื่อวางมาตรฐานการจ่ายเงินอีกหลายโครงการในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมระหว่างกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการลดความเหลื่อมล้ำในงานเครือข่ายยุติธรรมชุมชนและศูนย์ดำรงธรรม โดยที่ประชุมมีมติให้ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการทำงานในพื้นที่ โดยเฉพาะการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน เนื่องจากศูนย์ดำรงธรรมมีเครือข่ายหน่วยงานอยู่ทั่วประเทศตั้งแต่ระดับจังหวัด ถึงระดับตำรวจ จึงมีความพร้อม ส่วนยุติธรรมชุมชนจะเข้าไปช่วยเสริมการทำงานด้านการส่งเสริมสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยปฏิเสธไม่ใช่การยุบรวมหน่วยงาน.



ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันศุกร์ 24 ตุลาคม 2557 เวลา 15:08 น.



24/10/2557