20ส.ค.นี้วันแรก! สมัคร"กองทุนการออมแห่งชาติ"ออมเร็วได้มาก!

ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ จะเป็นวันเปิดรับสมัครสมาชิก \"กองทุนการออมแห่งชาติ\" อย่างเป็นทางการ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้รับสมัครสมาชิกรายแรกของกองทุนด้วยตัวเอง ทั้งนี้ กองทุนการออมแห่งชาติเป็นนโยบายของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรืออยู่นอกระบบบำเหน็จ บำนาญของรัฐ หรือกองทุนเอกชนที่มีนายจ้างจ่ายสมทบแล้วให้ได้ออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ โดยรัฐจะช่วยจ่ายสมทบให้ส่วนหนึ่ง และเมื่อผู้ออมมีอายุครบ 60 ปี จะได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนตลอดชีพ ถือเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิตในยามที่ไม่มีรายได้ประจำ และเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

สำหรับผู้ที่สนใจ และสงสัยว่าตนเองมีสิทธิ์สมัครกองทุนดังกล่าวหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ ดังนี้

\"ใคร\" มีสิทธิ์สมัครกองทุนการออมแห่งชาติบ้าง?
1. เป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่15 ปี ถึงไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
2. ประกอบอาชีพอิสระ เช่น เกษตรกร ค้าขาย รับจ้างทั่วไป คนขับรถแท็กซี่ แม่บ้าน สถาปนิก แพทย์ ทนายความ ลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างชั่วคราว นักการเมือง (ส.ส.) นักการเมืองท้องถิ่น นักเรียน นิสิต นักศึกษา ฯลฯ

และไม่เป็น
- สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
- สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร
- สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
- สมาชิกกองทุนประกันสังคม
- สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- สมาชิกกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
- สมาชิกกองทุนอื่น หรืออยู่ในระบบบำนาญอื่นตามที่จะกำหนดกฎกระทรวง

การจ่ายเงินสะสมเมื่อเป็นสมาชิก และเงินสะสมของภาครัฐ
สมาชิกกองทุนการออมจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าเดือนละ50บาทและไม่เกิน13,200บาท/ปีโดยรัฐจ่ายสมทบให้ตามสัดส่วนดังนี้
1.อายุ15-30ปี รัฐจ่ายให้ 50% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี
2.อายุ 30-50 ปี รัฐจ่ายให้ 80%ของเงินสะสม แต่ต้องไม่เกิน 960 บาทต่อปีและ
3.อายุมากกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี รัฐจะสมทบจ่ายให้ 100% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อป


ออมเร็วได้มาก!

สำหรับผู้ที่ยิ่งออมเร็ว ออมในอัตราสูง ก็จะได้รับเงินบำนาญมากขึ้นตามสัดส่วน อาทิ ออมเดือนละ 1,000 บาท เท่ากัน หากเริ่มออมตั้งแต่ อายุ 20 ปี เมื่อเกษียณจะได้รับเงินบำนาญพร้อมเบี้ยเลี้ยงชีพ รวม 7,000 บาทเศษ/เดือน แต่หากเริ่มออมอายุ 30 ปี จะได้เงินบำนาญ 4,441 บาท/เดือน ขณะที่เริ่มอายุ 40 ปี จะได้ 2,646 บาท เป็นต้น

การจ่ายเงินให้แก่สมาชิก มี 2 กรณี คือ

1. กรณีที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับบำนาญจากเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์จากเงินดังกล่าว ไปตลอดอายุขัย และคืนเงินให้กับผู้มีสิทธิรับผลประโยชน์ หากยังมีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีของสมาชิกผู้นั้น

2. กรณีที่สมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ สมาชิกจะขอรับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมทั้งหมดหรือบางส่วนจากกองทุนก็ได้ โดยให้ขอรับได้เพียงครั้งเดียว

ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบจะจ่ายเป็นบำนาญให้สมาชิกเมื่ออายุครบ60ปีซึ่งในกรณีที่สมาชิกคงเงินไว้ในกองทุนทั้งหมดหรือบางส่วนจะนำเงินที่คงไว้นี้มาคำนวณจ่ายบำนาญด้วย

กรณีที่สมาชิกเปลี่ยนงานและทำให้สมาชิกได้รับความคุ้มครองหรือหลักประกันทางรายได้เพื่อการชราภาพตามกฎหมายอื่นที่มีรัฐหรือนายจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุนหรืออยู่ในระบบบำนาญใดๆสมาชิกสามรถคงเงินไว้ในกองทุน และคงการเป็นสมาชิกต่อไป โดยไม่ต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน และรัฐไม่ต้องจ่ายเงินสมทบให้


ทั้งนี้ รัฐบาลจะรับประกันให้สมาชิกได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จากการนำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน โดยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ 5 แห่ง ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

โดยจะคำนวณเปรียบเทียบผลตอบแทนที่ได้รับกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำดังกล่าวในวันที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ60ปีหรือเสียชีวิต

สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ไหน?
1. ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ
2. ธนาคารออมสิน ทุกสาขาทั่วประเทศ
3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทุกสาขาทั่วประเทศ

หลักฐานการสมัคร
บัตรประชาชน


ที่มา:มติชนออนไลน์ วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16:57:43 น.



19/08/2558