ถ้าทำให้ประเทศปลอดคอร์รัปชันต้องเริ่มที่รัฐบาลก่อน

ไมค์ทองคำทำป่วน \"บิ๊กป๊อก\" ยอมรับถ้าทำให้ประเทศปลอดคอร์รัปชันต้องเริ่มที่รัฐบาลก่อน ขณะที่ประธาน คตร.ยันสอบไม่ยาก ต้องดูขั้นตอนหรือกระบวนการถูกต้องหรือไม่ ราคาแพงเกินจริง หรือไม่ ถ้าพบว่าไม่ถูกต้องก็ต้องสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบ ถ้าพบว่ามีเจตนาทุจริตก็ต้องลงโทษตามระเบียบวินัยทางราชการ ขณะที่รองเลขาธิการนายกฯโบ้ยกรมโยธาฯ เป็นคนถือเงิน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ ถึงการจัดซื้อไมโครโฟนที่ติดตั้งในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีที่มีราคาแพงว่า ถ้าเราจะทำให้ประเทศชาติไม่มีคอร์รัปชัน ก็ต้องเริ่มจากรัฐบาลก่อน เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ได้นิ่งเฉย ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว โดยเท่าที่ทราบ เรื่องนี้มีอยู่ 2 ประเด็น คือ 1.ทุจริตหรือไม่ และ 2.แพงหรือไม่
เขากล่าวว่า ในเรื่องการทุจริตไม่ว่าจะซื้อถูกหรือซื้อแพงต้องมีโทษ ต้องทำให้เห็นชัดเจน เพราะประชาชนรอคำตอบเรื่องนี้อยู่ ส่วนเรื่องการซื้อแพงหรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบสวนก่อน แต่เท่าที่ทราบมา มีการเจรจาก่อนที่จะออกมาในครั้งแรก ในช่วงการทดลองใช้ ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ได้แก้ตัว แต่พูดเพราะพอทราบมา
พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในกรณีการจัดซื้อไมโครโฟนติดตั้งทำเนียบรัฐบาลว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องมาแล้ว จาก พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ก็ต้องไปดูขั้นตอน ดูที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร ขั้นตอนหรือกระบวนการถูกต้องหรือไม่ ราคาแพงเกินจริง หรือไม่ ถ้าพบว่าไม่ถูกต้อง ก็ต้องสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบ
ประธาน คตร.กล่าวว่า ทราบมาว่าราคาจัดซื้อได้ลดลงแล้ว ฉะนั้นทางเราก็จะไปดูว่าทำไมถึงลดลงมาได้ ซึ่งจะเป็นการสอบสวนในข้อเท็จจริง สอบสวนว่ามีเจตนาหรือไม่ และถ้าพบว่ามีเจตนาทุจริตก็ต้องลงโทษตามระเบียบวินัยทางราชการต่อไป สำหรับคณะกรรมการในการสอบสวนนั้น มีคณะอนุกรรมการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ใน คตร.ก็ให้ประธาน คตร.ไปดูในรายละเอียด แต่ให้รอก่อน ซึ่งตนคิดว่าในสัปดาห์หน้าก็จะชี้แจงความคืบหน้าต่อไป
\"จริงๆ แล้วกรณีอย่างนี้ทาง คตร.ได้มีการสอบสวนโดยตลอด แต่ว่าไม่เป็นที่สนใจเท่าใด แต่ว่ากรณีไมค์แพงนี้ เป็นกระแสสังคมที่ประชาชนสนใจ เป็นเรื่องฮือฮา ผมคิดว่าถ้าจะตรวจสอบจริงๆ ก็ไม่ยากอะไร ถ้าแพงจริงๆ และมันไม่จำเป็นก็อาจยกเลิกได้ แล้วไปหาไมค์ที่ถูกกว่านี้มาติดตั้งแทน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอน เพียงแต่ว่า คตร.ไม่ได้เข้ามาดำเนินการแต่แรก แต่เข้ามาตอนปลายเหตุแล้ว ซึ่งถ้าเข้ามาแต่แรกก็จะสามารถระงับยับยั้งได้ เพื่อให้เหมาะสม ตามหลักธรรมาธิบาล แล้วการตรวจสอบครั้งนี้ย้ำว่าจริงจังแน่นอน\" พล.ท.อนันตพรกล่าว
โบ้ยกรมโยธาฯ
ด้าน น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เป็นเพียงแค่ผู้อนุมัติงบประมาณและโอนไปที่กรมโยธาฯ ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ อย่างไมค์หรือทีวีที่มีข่าวว่ามีราคาแพงในขณะนี้ ทางกรมโยธาฯ ได้มีการแจ้งมาที่ สลน.หรือไม่ เธอตอบว่า เขาคงต้องแจ้งรายละเอียดมาที่เรา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้ง เพราะยังอยู่ในกระบวนการของเขาอยู่ แต่ความจริงแล้วเป็นหน่วยราชการด้วยกัน ไม่ต้องแจ้งก็ได้ เหมือนกับว่าทางกรมโยธาฯ ได้งบประมาณของเขาเองแล้วมาทำให้เรา
\"ความจริง สลน.ไม่ได้จับเงินเลย เป็นเพียงแค่คนจัดสรรงบประมาณให้เท่านั้น ส่วนจะยกเลิกหรือไม่ หรือจะดำเนินการอย่างไรต่อ คงต้องรอการตรวจสอบจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่ตอนนี้เข้ามาตรวจสอบแล้ว จะมีผลออกมาว่าอย่างไร\"
ถามว่า แบบนี้การประชุม ครม.ครั้งหน้าจะยังไม่สามารถใช้ที่ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการได้ใช่หรือไม่ รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า \"ก็เห็นน้องๆ สงสัยกันไม่ใช่เหรอว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เราเลยคิดว่าให้น้องๆ คลายสงสัยกันก่อน ให้สบายใจก่อน\"
นายเจษฎ์ โทณะวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว แต่ได้กลายเป็นปมใหญ่ของสังคม เกิดความเคลือบแคลงว่า เรื่องนี้เกิดก่อนหรือหลังปฏิวัติ 22 พ.ค.2557 หากโครงการนี้เกิดหลังคณะ คสช.ต้องพิจารณาตัวเองว่า ขณะที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จยังปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
เขากล่าวว่า ในขณะที่หัวหน้า คสช.รับปากว่าจะจัดการกับคนโกง ก็เกิดข้อสงสัยว่า ที่ผ่านมา นักการเมืองโกงกลับมาทำเสียเอง ยิ่งทำให้ความเชื่อถือ คสช.ลดลงไปมากว่าจะทำจริงอย่างพูดหรือไม่ ในระยะเวลา 1 ปีของรัฐบาลชุดนี้
เตือนวิกฤติศรัทธา
นายเจษฎ์กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เคลียร์ก่อน อย่ามองเป็นเรื่องเล็ก แล้วค่อยคาดหวังไปปฏิรูปประเทศ ไม่ต้องมองไปไกล เพราะหากไม่ชี้แจงให้สิ้นข้อสงสัยล่มสลายทางศรัทธาเกิดอย่างรวดเร็ว ถ้าหาคนผิดมารับผิดชอบไม่ได้ ต้องจัดการเร่งคลายอำนาจของตัวเอง หาคนอื่นมาดูแลประเทศแทน
\"หากเกิดก่อนปฏิวัติ แปลได้ว่าการจัดซื้อ-จัดจ้างในกลไกของราชการไทยและโครงการรัฐเป็นลักษณะนี้มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการตั้งราคาสูงกว่า ท้องตลาดสองสามเท่าตัว นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ แม้มีรัฐบาลที่มีการยึดอำนาจโดยมีภาระกิจชัดเจนว่าจะปราบคนโกง แต่ยังเกิดประเด็นไมโครโฟนทองคำขึ้นมา\"
คณบดีคณะนิติศาสตร์ฯ กล่าวว่า ถ้าเกิดหลังปฏิวัติโดยมีฝ่ายนโยบายกับข้าราชการประจำร่วมมือกับพ่อค้านักธุรกิจ ซึ่งเป็นชุดเดิมทำแบบนี้มาตลอด เป็นสามส่วนธุรกิจ และเมื่อไปเทียบกับภาวะบ้านเมืองที่มาจากเลือกตั้ง ก็ทำแบบนี้ แปลว่ากลไกบ้านเมืองมีปัญหาสาหัส ไม่ว่าจะเลือกตั้งหรือปฏิวัติ สามส่วนธุรกิจนี้ก็หาช่องทางโกงกินได้ สุดท้ายมันกลายเป็นว่าในระดับนโยบาย ไม่ว่ามาจากเลือกตั้ง หรือยึดอำนาจ ก็ทุจริตแบบเดิม ปรากฏว่าปฏิวัติครั้งนี้ไร้ประโยชน์ ปัญหาใหญ่โตมากกว่าที่คิด คสช.จะถูกกระแสจะตีกลับอย่างแรง กลายเป็นโกงเสียเอง
นายเจษฎ์บอกว่า ในเรื่องราคาของอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีราคาสูงแบบนี้ทำได้อย่างไร และหน่วยงานยังชี้แจงเรื่องนี้ ไม่สมเหตุสมผล ยิ่งทำให้เห็นภาพว่ากินด้วยกันหมดทุกระบบ ในภาวะแบบนี้ ถ้าหัวหน้า คสช.ไม่รู้ไม่เห็นจริง ต้องไปจัดการหาหน่วยงานพิเศษขึ้นแก้ปัญหา และมาวางระบบแก้ปัญหาการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างทั้งระบบให้ได้เด็ดขาด ไม่ใช่แค่ยุทธศาสตร์ชาติเท่านั้น ต้องเป็นภาวะของชาติทุกเวลา ขจัดคนโกงลดน้อยลงจนหมดไปในที่สุด
ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะกิจการพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ขณะเดียวกันต้องรอว่าอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองจะเปิดเผยข้อมูลตามที่พูดไว้หรือไม่ เพราะตอนนี้สังคมทราบแล้วว่าขณะนี้มีไมโครโฟนแพงร่วม 200 ตัว อีกทั้งข้อมูลการปรับปรุงบ้านพิษณุโลกก็ควรมีการเปิดเผยข้อมูลออกมาด้วย และควรเปิดเผยด้วยว่า เรื่องใดทำสัญญาไปแล้วมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง งบประมาณที่ได้รับการยกเว้นตามระเบียบสำนักนายกฯ ปี 35 ได้รับคำสั่งยกเว้นโดยใคร ต้องเปิดเผยออกมา
เขากล่าวว่า การออกมาตรวจสอบเรื่องราคาไมค์แพงของ ป.ป.ช.นั้น ตนเห็นว่า ป.ป.ช.เคลื่อนตัวช้าเกินไป ประธาน ป.ป.ช.ควรออกมาพูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เพราะประชาชนให้ความสนใจ อีกทั้งนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไมโครโฟนต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่ต้น แต่สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์กลับเป็นชายชาติทหารที่สุดที่ออกมาพูดเรื่องนี้ อย่างนี้ถึงจะเป็นคนมีภาวะผู้นำ.

ที่มา:หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ Sunday, 14 September, 2014 - 00:00