จี้สทศ.ปรับกระบวนสอบโอเน็ตใหม่

\"ณรงค์\" เตรียมจี้ สทศ.ปรับกระบวนการสอบโอเน็ตใหม่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม โดยเล็งลดวิชาสอบในกลุ่มสาระ แต่แบ่งบางวิชาในกลุ่มสังคมฯ หน้าที่พลเมือง เป็นผู้วัดและประเมินผลเอง
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ซึ่งมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธาน เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของกลุ่มเครือข่ายยุวทัศน์ ที่เสนอให้ปรับลดสัดส่วนของการใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต มาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียนของผู้ที่จบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 โดยได้ขอให้ลดสัดส่วนของปีการศึกษา 2557 ที่กำหนดให้ใช้ผลการเรียนของผู้เรียนที่ประเมินโดยสถานศึกษา และผลโอเน็ต ในสัดส่วน 70:30 ให้เหลือ 80:20 เท่ากับปีการศึกษา 2556 สำหรับเรื่องนี้ที่ประชุมมีความเห็นหลากหลาย จึงยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน โดย รมว.ศธ.เน้นว่าหลังจากนี้ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ต้องพัฒนาในเรื่องคุณภาพมาตรฐานให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นที่ยอมของสังคม
ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้า รมว.ศธ.จะไปตรวจเยี่ยม สทศ. พร้อมทั้งหารือเรื่องการจัดสอบต่างๆ ซึ่ง รมว.ศธ.ต้องการให้การวัดผลทุกประเภท เน้นที่ผู้เรียนเป็นหลัก และต้องเกิดผลต่อผู้เรียน นอกจากนี้จะมีการหารือถึงความเป็นไปได้ที่การสอบโอเน็ตจะลดวิชาการสอบในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ให้น้อยลงได้หรือไม่ โดย สทศ.ไม่จำเป็นต้องสอบให้ครบ 8 กลุ่มสาระฯ อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่ง สทศ.อาจจะจัดสอบเฉพาะวิชาหลักเท่านั้น ส่วนวิชาอื่นๆ เช่น สังคมศึกษา หน้าที่พลเมือง สุขศึกษา อาจให้โรงเรียนเป็นผู้วัดและประเมินผลเอง ในรูปแบบที่หลากหลายกันไป และอาจไม่จำเป็นต้องใช้ข้อสอบเป็นตัววัด แต่อาจวัดผลจากพฤติกรรม หรือพัฒนาการของผู้เรียนที่เห็นเป็นเชิงประจักษ์แทน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู และมีความเห็นว่าควรไปสำรวจการใช้จ่ายเงินของครูทุกวันนี้ ว่ามีการใช้จ่ายอย่างประหยัด และยึดถือตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ ถ้ายังไม่มีควรส่งเสริมให้เกิดเรื่องนี้ให้มากขึ้น ส่วนกรณีที่มีการเปิดช่องทางให้ครูสามารถกู้เงินได้หลากหลายช่องทางนั้น ที่ประชุมได้มอบให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (กคศ.) ไปหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว และกลับมาเสนอต่อที่ประชุมต่อไป.


ที่มา:หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ Friday, 31 October, 2014 - 00:00